วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

Avast ดีไหม?



   
              เหมือนเป็นคำถามโลกเเตกเลยครับ "Anti Virus ตัวไหนดีที่สุด" ผมว่าไม่มีใครตอบได้เเละบางคนคิดว่าไม่มีใครกล้าพอที่จะตอบมันด้วยความว่าตัวไหนดีที่สุด เเละบางคนกลัวดราม่าที่จะตอบครับ เหมือนกับคำถามที่ว่า โค้กและแป๊บซี่ อันไหนอร่อยที่สุด และแน่นอนละครับมันอยู่ที่สไตล์คนชอบมากกว่า การเลือกแอนตี้ไวรัสก็เช่นกันครับ ผมว่าอยู่ที่ user เเละการใช้งานมากกว่า ถามว่าอันไหนดีผมเองก็ตอบไม่ได้ จะบอกอันที่ใช้งานอยู่ก็จะหาว่าเชียร์เพราะเป็นการชอบส่วนตัว วันนี้จะมาวิเคราะห์กันเรียงโปรแกรมเลยทีเดียวว่าอันไหนดีกว่ากัน จากเว็บที่กำหนดรีวิวข้างต้นนี้ผมคิดว่าทุกคนต้องคิดว่า เฮ้ย... จัดอันดับมาได้ไงของตูที่ใช้อยู่ต้องดีสุดสิฟ่ะ เฮ้ย... bit.. ได้อันดับ 1 ได้ไงอันนี้ไม่ใช่เรอะ?
คำถาม คำตอบเหล่านี้มันอยู่ที่ผู้ใช้งานเองถูกใจ ชอบเเละรู้สึกคล่องมือ เมื่อรู้หลักมีประสบการณ์ในการใช้ตัวนั้นพอสมควรเเล้ว มันจะเป็นที่มาของคำว่า "รู้สึกดี ยืดหยุ่นในการใช้งาน เคยชิน เเละคิดว่าดี เป็นต้น" วันนี้ผมเองก็ว่างพอที่จะมานั่งบ่นให้ฟังกันจากประสบการณ์ในการใช้งาน เเละเคยใช้มา ลองผิดลองถูกจน OS พังมาเเล้วหลายรอบอยู่ (เป็นเพราะลงๆ ถอนๆ จน Registry มันค้างอยู่จนลงซ้ำไม่ได้ เวรกรรมไหมละ)

เอาเเละกัน วันนี้ผมจะมาเเนะนำตัวที่มีชื่อว่า Avast เเล้วกัน



สาเหตุที่เอาตัวนี้ขึ้นตัวเเรกเพราะเป็นตัวที่ผมหยิบยืนมา รีวิวง่ายสุดเพราะตัวนี้ผมใช้งานอยู่ทุกวันนี้ (พอดีชอบของฟรี ^^") สำหรับ Avast นี้มีหน้าตาที่ใช้งานง่าย เวอร์ชั่นปัจจุบัน อยู่ที่ 8 ครับ จะออกเเละสำหรับเวอร์ชั่น 9 Beta อยู่ครับ เเละผมจะมาบอกข้อดีเเละข้อเสียของมันกัน ... เพราะจากที่ผมทดสอบใช้งานมาเป็นเวลา ถึง 5 ปียังไม่เคยเจอปัญหาตั้งเเต่เวอร์ชั่น Home Edition แล้วครับ สมัยตอนปี 2008 ละมั้งครับ ตอนนี้รู้สึกว่าจะหยุดใช้ไปพักนึงเพราะได้ ID Nod32 มาฟรี 1 ปี เสร็จเเล้วต้องกลับมาใช้งาน Avast เหมือนเดิมเพราะติดไวรัสที่มากับ Flash Drive :)

 ข้อดี ของโปรแกรมนี้
Avast นี่เป็นเเอนตี้ไวรัส ที่มีการอัพเกรดฐานข้อมูลไวรัสบ่อยที่สุดที่ผมเคยใช้เเอนตี้ไวรัสมาทั้งหมด บางวันอาจจะถึงวันละสองรอบเลย (ทำไมไม่ทำทีเดียว) อาจจะเป็นเพราะความทันใจในประสิทธิภาพการใช้งาน เเละเปิด Feedback ให้สามารถส่งไฟล์ไวรัสไปวิเคราะห์ได้ด้วย ถึงมีการอัพเกรดเร็วเเบบนี้ครับ ส่วนหน้าตาการใช้งาน สำหรับคนที่ชอบภาษาไทยคงจะใช้งานง่าย ไม่ค่อยลบไฟล์มั่วสั่ว (เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้โปรแกรมเถื่อนต่างๆ เพราะมันไม่ค่อยลบ Crack ครับ) 


 เพราะมีเวอร์ชั่นที่ใช้งานเป็นภาษาไทยด้วย นอกจากนั้นเเล้วยังมีระบบที่เรียกว่า บริการป้องกันเเบบ Cloud ถ้าอธิบายภาษาชาวบ้าน คือมีการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลรายชื่อไวรัสจาก Server ฝั่งของ Avast เองเเละเชื่อมโยง Scan กับฝั่งของผู้ใช้งานด้วยนอกจากนี้เเล้วยังมีฟังก์ชั่น การทำความสะอาดบราวเซอร์ , การอัพเกรดโปรแกรมพื้นฐานในเครื่องอัตโนมัติ เป็นต้น นับว่าพร้อมจริงๆ สำหรับ Avast

ส่วนของการตั้งค่า มีการปรับเเต่งความยืดหยุ่นของโปรแกรมที่ใช้งาน ความเรียบง่ายของหน้าตา 
โปรแกรมนี้สามารถใช้งานร่วมกับ Firewall ตัวอื่นๆ ได้โดยที่โปรแกรมไม่ขัดเเย้งการทำงานกัน 


ในส่วนของการตั้งค่าอัพเกรดนะครับ 

การอัพเกรดใหญ่ๆ หลักๆ จะมีสองเเบบคืออัพเกรดตัว โมดูลโปรแกรม เเละ ฐานข้อมูลไวรัสครับ Avast จะค่อนข้างสับสนนิดนึงเกี่ยวกับการอัพเกรด บางคนพอมันเเจ้งเตือนขึ้นมาดันไปกด Update โผล่มาเป็นเวอร์ชั่น Pro เสียเงินซะงั้น จะต้องถอนออกเเล้วลงใหม่ตามระเบียบ ในส่วนของการอัพเกรดโปรแกรม หรือโมดูล จะมี POP UP ในการเเจ้งเตือนขึ้นมาก่อน ถ้าใครจะปรับ Auto ก็ได้ครับ เเต่การอัพเกรดโมดูลส่วนใหญ่จำเป็นจะต้อง Restart เครื่องก่อนด้วยครับ ถึงจะเปิดมาใช้งานได้เต็มที่ ในส่วนของการอัพเกรดฐานข้อมูลไวรัส ตัวนี้จะ Automatic อยู่แล้วครับไม่ต้องไปทำอะไรมัน

 การกระโดดข้ามการสเเกนจาก Avast 

บ่อยครั้งที่เราเล่นเกมออนไลน์ หรือ Crack เกมหรือโปรแกรมโกงเกม "ที่ไม่ใช่ไวรัส" มักจะถูกมองว่าเป็นไวรัสอยู่บ่อยๆ Avast มีฟังก์ชั่นข้ามการสเเกนของไฟล์นั้นๆ หรือทั้ง Dir นั้นๆ ได้เลยโดยการเลือก Path ของตำเเหน่ง Folder นั้นลงไปก็เท่านั้นเอง อย่างเราไม่ต้องการให้มันสเเกน C:\Windows เราก็เลือกไปได้เลย มันก็ไม่ทำการสเเกนใน C:\Windows เลยเเต่ต้องมั่นใจนะครับว่าสิ่งที่เข้าเครื่องเราจะต้องไม่ใช่ไวรัสจริงๆ


ข้อเสีย

โปรแกรมนี้ค่อนข้างจะมีปัญหาระหว่างไวรัสกับโปรแกรม ถ้าเครื่องติดไวรัสไปเเล้ว โปรแกรมนี้จะไม่สามารถลงได้ หรือสเเกนไฟล์ System เเล้วลบค่อนข้างนัวพอสมควร เหมาะสำหรับเครื่องที่ลงโปรแกรม OS ใหม่ๆ เเล้วลง Avast ไปเลยเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับเครื่องที่ติดไวรัส มาเเล้วเพราะการทำงานจะมีปัญหาทั้งหมด การอัพเกรดค่อนข้างบ่อย การลงทะเบียนใช้ของฟรี 1 ปียังจะต้องทำการต่ออินเตอร์เน็ตอยู่ ใครที่จะเอาไปลงเเบบ Offline จะต้องใช้ KEY Offline ด้วย เพราะถ้าไม่ลงทะเบียนจะใช้ได้ประมาณ 30 วันครับ 
สามารถใช้งานได้ 8000 วัน ใช้ได้เฉพาะเวอร์ชั่นฟรีนะครับไม่ต้องมานั้งลงทะเบียนบ่อยๆ 


Avast ผมคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่จะต้องการใช้เเอนตี้ไวรัสที่เค้าใจดีทำให้เราใช้งานได้ฟรีๆ ไม่ต้องเน้นผู้ที่ชำนาญคอมพ์อะไรมากมายเเละเป็นทางเลือกที่ดี โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเเละดีกว่าบางโปรแกรมที่จะต้องเสียเงินซื้อด้วยซ้ำ อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ใช้งานคอมโดยไม่ต้องปรับเเต่งตั้งค่าอะไรให้วุ่นวาย ไม่ต้อง Activate หรือใส่ Key เสียเงินซื้อให้มากความ อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครหลายๆ คน ผมจะไม่ขอเอ่ยว่ามันดีเเค่ไหน อยากให้ทุกท่านลองทดสอบใช้งานดูเเละมาวิเคราะห์ถึงข้อดีเเละข้อเสียเพื่อให้คนรุ่นหลังที่ต้องการจะใช้งานเป็นวิทยาทานกันครับ สุดท้ายนี้จะฝากไว้อย่างนึง "เเอนตี้ไวรัสจะดีไม่ดีไม่ได้อยู่ที่เป็นโปรแกรมอะไร อยู่ที่ท่านใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ระมัดระวังเเค่ไหน" เพราะถึงมีเเอนตี้ที่เสียเงินซื้อเเพงที่สุด หากสุดเเล้วเเต่ผู้ใช้ไม่มีพื้นฐานเรื่องคอมพิวเตอร์สักนิด อาจจะติดไวรัสได้เหมือนเดิม 








2 ความคิดเห็น:

  1. Avast ดีที่สุดเลยครับ ผมทำร้านรับปริ้นท์งาน มีคอมสองเครื่อง เจอแฟลชไดร์ฟเสียบวันละ 30-50 ตัว ลองใช้ Anti Virus มาแมบทุกตัวแล้วครับ สุดท้ายจบที่ Avast ตัวเดียวอยู่หมด ใช้มาตั้งแต่ V.3

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยม